ในปัจจุบันเรามี
"พุทธมณฑล" เป็นพุทธศาสนสถานที่สำคัญและเชิดหน้าชูตาของไทยสมกับที่เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ
และพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยอย่างยิ่ง เพราะเป็นรมณียสถานเมื่อเข้าไปสู่บริเวณพุทธมณฑลแล้ว
จะมีความรู้สึกเยือกเย็นสงบกายสงบใจเป็นอย่างมากยิ่ง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าความคิดในการสร้าง
"พุทธมณฑล" นั้นเป็นความคิดที่ต่อเนื่องมาจากการสร้าง "พุทธบุรีมณฑล"
นั่นเอง และผู้ที่เป็นต้นกำเนิดของการสร้างพุทธศาสนสถานทั้ง ๒ แห่งนี้ก็คือบุคคลคนเดียวกันนั่นคือ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม หนังสือ "พุทธมณฑล" ได้กล่าวถึง "โครงการจัดสร้างพุทธมณฑลในงานฉลอง
๒๕ พุทธศตวรรษ" ไว้ดังนี้
"พุทธบุรีมณฑลซึ่งเป็นโครงการแรกเริ่มของการจัดสร้างพุทธมณฑลดังกล่าวมาข้างต้น
แม้จะเป็นโครงการฉุกเฉินที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลทางการเมืองแต่เจตนารมณ์แห่งโครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทย
ครั้นต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตรมหาราช รัชกาลปัจจุบัน เป็นเวลาที่ใกล้จะถึงมงคลกาลที่พระพุทธศาสนาได้ประดิษฐานยั่งยืนมาครบ
๒๕ พุทธศตวรรษ หรือ ๒๕๐๐ ปีบริบูรณ์ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ปีระกา
อันเป็นวันวิสาขบูรณมี ตรงกับวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ คณะรัฐมนตรีซึ่งมี
จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหนึ่ง พร้อมด้วยคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวไทย
จึงดำริร่วมกันว่า ประเทศไทยนั้นเป็นอู่วัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญ
ปรากฏความเจริญรุ่งเรืองทั้งในข้อปฏิบัติและในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาโดยบริสุทธิ์ยิ่งกว่าประเทศอื่นใด
แม้ในด้านวัตถุธรรมทางพุทธศิลป์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ประติมากรรม
หรือวิจิตรศิลป์ ก็มีความเจริญสูงสุดเป็นที่ชื่นชมกล่าวขวัญกันในนานาประเทศ
จึงควรจักได้จัดงานเฉลิมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษขึ้นให้เป็นการมโหฬาร ทั้งเป็นการประกาศเกียรติคุณของประเทศไทยไปในนานาประเทศทั่วโลก
ในฐานะที่เป็นประเทศศูนย์กลางสืบมรดกทางพระพุทธศาสนา อันเป็นมรดกล้ำค่าของมนุษยชาติ
และให้สร้างปูชนียสถานขึ้นเป็นพุทธานุสรณีย์อันยิ่งใหญ่กว่าปูชนียสถานใด
ๆ ที่ได้เคยมีมาแต่ก่อน เพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับพุทธบริษัทในสมัยต่อไป
จักได้น้อมรำลึกถึงความพร้อมใจร่วมศรัทธามหากุศลของรัฐบาลและประชาชนชาวไทยในมหามงคลกาลครั้งนี้ด้วย
เป็นการอนุวัติตามคติ ในการสร้างปูชนียสถานเพื่อเป็นพุทธานุสรณีย์ในพระพุทธศาสนา
ซึ่งมีมาแล้วแต่โบราณกาล โดยเฉพาะในดินแดนอันเป็นที่ตั้งของประเทศไทยและในประเทศไทย
เมื่อพระโสณเถระและพระอุตตรเถระได้นำพระพุทธศาสนามาเผยแพร่ในอาณาจักรสุวรรณภูมิจนตั้งมั่นแพร่หลายไปแล้ว
พุทธบริษัทพร้อมด้วยพระเถระทั้งสองได้ร่วมกันสร้างพระสถูปเจดีย์ คือพระปฐมเจดีย์
ที่จังหวัดนครปฐมเป็นอนุสรณ์แห่งความสำเร็จที่พระพุทธศาสนาได้ตั้งมั่น
ณ ดินแดนนี้ พระมหากษัตริย์ไทยในอดีตเมื่อได้ตั้งราชธานีเป็นปึกแผ่นมั่นคงก็ได้สร้างพุทธาวาสขึ้นในที่อันเป็นชัยภูมิใกล้พระราชนิเวศน์อันเป็นศูนย์กลางของพระนคร
เช่น วัดพระศรีมหาธาตุ กรุงสุโขทัย วัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ กรุงศรีอยุธยา
และแม้ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระปฐมบรมกษัตริย์ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ก็ได้ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นพุทธาวาสที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
พระแก้วมรกตขึ้นโดยพระราชประสงค์เช่นเดียวกัน
"เพื่อให้การจัดเตรียมงานฉลอง
๒๕ พุทธศตวรรษเป็นไปโดยเรียบร้อย ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่
๑๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติว่า
"ให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาจัดทำโครงการสมโภชปีพุทธศักราช
๒๕๐๐ เสนอ ส่วนการจะตั้งผู้ใดเป็นกรรมการและมีหน้าที่ดำเนินการอย่างใดนั้น
ให้ติดต่อทำความตกลงกับท่านรองนายกรัฐมนตรี" (คือ จอมพล ผิน ชุณหะวัณ
ซึ่งในขณะนั้นมียศเป็นพลเอก)
"กระทรวงวัฒนธรรมซึ่งในขณะนั้นจอมพล
ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วยอีกตำแหน่ง
หนึ่ง ได้จัดทำโครงการเฉลิมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษขึ้น ให้เป็นงานใหญ่เหนือกว่างานกุศลใด
ๆ ที่รัฐบาลหรือประชาชนได้เคยกระทำมาแต่กาลก่อน และให้สร้างพุทธมณฑลขึ้นเป็นพุทธานุสรณียสถานแห่งการฉลอง
๒๕ พุทธศตวรรษ
"พุทธบุรีมณฑล
จึงได้รื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในชื่อของ พุทธมณฑล
"พุทธมณฑลที่จะก่อสร้างขึ้นนี้เป็นพุทธานุสรณียสถานที่อำนวยประโยชน์แด่พุทธบริษัทตามแนวทางพุทธบัญญัติ
กล่าวคือคณะสงฆ์และรัฐบาลจะได้ใช้เป็นศูนย์กลางการบริหารและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติไทย
พระภิกษุสามเณรจะได้ใช้เป็นที่ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและปฏิบัติศาสนกิจสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา
พุทธบริษัทฝ่ายคฤหัสถ์จะได้ใช้เป็นที่ศึกษาเล่าเรียนหาความรู้ทางพระพุทธศาสนาและใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม
หาความสว่าง สะอาด และสงบทั้งกายและใจ ตลอดจนจะได้ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน
เป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เข้ามาสู่ประเทศไทยอีกด้วย"
โครงการจัดสร้างพุทธมณฑล
ซึ่งเริ่มในสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีนี้ รัฐบาลชุดต่อ
ๆ มาก็ได้ดำเนินการสานต่อและเพิ่มเติมโครงการต่าง ๆ ขึ้นมาเสมอ ๆ แม้ในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
แต่ก็นับว่าเป็นที่เชิดหน้าชูตาประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลกได้อย่างน่าภาคภูมิใจยิ่ง.
.