การศึกษาภาษาไทยในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับในอดีตแล้วรู้สึกว่าคนไทยในอดีตจะรู้เรื่องภาษาไทยดีและลึกซึ้งกว่าในปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่ในปัจจุบันวิทยาการและเทคโนโลยีได้เจริญก้าวหน้าไปอย่างมากมาย แต่การศึกษาภาษาไทยก็ไม่สู้ได้ผลเท่าใดนั้น บรรดานิสิตนักศึกษาในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่จะเลือกวิชาภาษาไทยเป็นวิชาเอก แทบจะหาไม่ได้แล้ว ทำให้นึกถึงการศึกษาภาษาไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งในสมัยนั้นปรากฏว่ามีทั้งพระเถระผู้ใหญ่ และขุนนางที่มีความรอบรู้ภาษาไทยเป็นอย่างดีเป็นจำนวนมาก เช่น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) พระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาละลักษมณ์) และเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี ตั้งแต่สมัยที่ท่านมีบรรดาศักดิ์เป็น พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ในยุคนั้นมีหนังสือดี ๆ หลายเล่ม นอกจาก "โบราณศึกษา" ของพระยาปริยัติธรรมธาดา และ "วิธีสอนหนังสือ" ของพระยาศรีสุนทรโวหารแล้ว ยังมีหนังสือ "ศัพท์เทียบ มคธ สันสกฤต ไทย" หนังสือ "โบราณศัพท์" หนังสือ "ศัพท์เขมร" หนังสือ "แบบต้นตัวสะกด" ซึ่งเป็นหนังสือชุดแบบเรียนศัพท์ ของกรมศึกษาธิการ กระทรวงธรรมการ ที่ตีพิมพ์ครั้งที่ ๒ เมื่อ ร.ศ. ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๔๕๐) และหนังสือ "ราชาศัพท์ โรงเรียนข้าราชการพลเรือน ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ฉบับตีพิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๔๕๘ หนังสือเหล่านี้ ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อน ต่อมาท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ได้นำหนังสือดังกล่าวให้ข้าพเจ้าถ่ายสำเนาไว้ จึงได้มีโอกาสได้ทราบถึง "ภูมิปัญญา" อันล้ำลึกของบรรพบุรุษที่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนเลย จึงขอขอบพระคุณท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ไว้ ณ ที่นี้ ที่ทำให้ข้าพเจ้ามีหูตาสว่างขึ้นอีกมาก ข้าพเจ้าจะขอยกเพียง "คำนำ" หนังสือ "ศัพท์เทียบ มคธ สันสกฤต ไทย" มาเสนอท่านผู้ฟังพอเป็นแนวเพื่อท่านที่สนใจจะได้หามาอ่านต่อไปดังนี้ "หนังสือเช่นนี้ได้คิดเรียบเรียงขึ้นเป็นแบบเรียนจำพวกหนึ่ง ซึ่งเป็นจำพวกเดียวกันกับสเปลลิงบุก ของฝรั่ง การที่ต้องมีหนังสือเรียนจำพวกนี้ เพราะเหตุว่าที่จะเรียนหนังสือให้อ่านออกเขียนได้ ให้พอแก่คำที่ใช้กันอยู่ในข้อความในภาษา ก็ย่อมต้องอาศรัยการรู้จักศัพท์นั้น ๆ ซึ่งเป็นถ้อยคำต่าง ๆ ก็การที่ต้องการความรู้อย่างนี้ก็ไม่มีอันใดนอกจากต้องจำศัพท์นั้น ๆ ได้ การที่จะจำศัพท์ นั้น ๆ ได้นั้นย่อมเป็นการยากในการเรียน หนีไม่พ้น เพราะเหตุที่ต้องท่องบ่นจนขึ้นใจจึงจะจำได้ ถ้านักเรียนที่มีความจำมากก็จำได้เร็ว ที่มีความจำน้อยก็จำได้ช้า อยู่เป็นธรรมดา เหตุนี้การสอนสิ่งนี้จึงได้มีผู้คิดกันหลายวิธี หลายทางว่าจะหาอุบายอย่างไรที่จะทำหนทางของความจำให้ง่ายเข้า ตัดเวลาและความลำบากให้น้อยลง ก็ยังไม่เป็นการสำเร็จเด็ดขาดลงไปได้ดังความประสงค์ เป็นแค่แบ่งเบาได้บ้างเล็กน้อย ตามแต่ที่จะทำได้ เช่นกับอย่างฝรั่งเขาใช้ให้นักเรียนท่องจำโคลงฉันท์ เป็นวิธีหนึ่งสำหรับที่จะให้จำง่าย เพราะจำศัพท์ในโคลงฉันท์ที่มีข้อความติดต่อเป็นหนทางที่จะให้จำง่าย และที่จะระฦกได้ดีกว่าจำศัพท์เป็นคำ ๆ นี้อย่างหนึ่ง อย่างนี้ของเราในบัดนี้ได้มีหนังสือเรียนจำพวกหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า จินตกระวีนิพนธ์ ใช้เข้าที่อยู่แล้ว เป็นแต่ผู้สอนต้องหมั่นแปลศัพท์ให้นักเรียนเข้าใจความหมาย อย่าสักแต่ว่าให้อ่านหรือเขียนเลยไป ๆ เท่านั้น แบบเรียนจำพวกนี้ก็จะช่วยให้นักเรียนรู้ศัพท์ต่าง ๆ ขึ้นปากเจนใจได้ง่ายอยู่ทางหนึ่ง ถึงดังนั้น "แบบเรียนศัพท์" หรือ สเปลลิงบุก ก็ยังไม่หมดความจำเป็นที่จะต้องมี แต่จำต้องหาอุบายเรียบเรียงโดยวิธีอย่างไร ซึ่งจะให้เป็นหนทางช่วยนักเรียนให้สังเกตจำง่ายเข้า นั่นเป็นอย่างดีที่สุด เหตุฉะนั้น หนังสือฉบับนี้จึงเป็นฉบับหนึ่ง ในจำพวกแบบเรียนศัพท์ให้ชื่อว่า "ศัพท์เทียบ มคธ สันสกฤต ไทย" คือ รวบรวมเอาคำอันมาแต่ภาษามคธ และสันสกฤต ซึ่งมีลักษณะอักษรที่ผันแปรไปตามภาษา และมาใช้กันอยู่ในภาษาไทยอย่างไร เรียบเรียงตามลักษณถานของอักษรที่คล้าย ๆ กัน จดไว้เป็นพวก ๆ เพื่อให้เป็นหนทางที่จำง่าย ทั้งให้มีคำแปลความหมายของศัพท์นั้น ๆ และตัวอย่างที่ใช้ด้วย แต่แบบเรียนศัพท์เล่มนี้ได้เลือกเอาศัพท์ที่ใช้อยู่ในภาษาไทย ชุกชุมเท่านั้นมารวบรวมไว้ เพราะประสงค์ให้พอแก่ที่จะต้องการใช้อยู่ทุกวัน เพื่อไม่ให้ต้องเรียนมากกว่าที่จำเป็น
ใน "สารบานเรื่อง" ได้บอกเรื่องที่สำคัญ ๆ ไว้ คือ คำไทยแผลง คำสยามโบราณ คำตัว ห แทนไม้เอก คำกำพุชแผลง คำกำพุชพากย์ คำชวาพากย์ คำราชาศัพท์ คำศัพท์บาฬีแผลง ฯลฯ ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่าง "ศัพท์เทียบ มคธ สันสกฤต ไทย" สัก ๒ - ๓ คำ ดังนี้
|