ภาษาวิปริต
|
ถ้าท่านผู้ฟังโฆษณาสินค้าบางอย่างทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์จะพบว่ามีภาษาโฆษณาแปลก ๆ ใหม่ ๆ ออกมาเสมอ แม้แต่คนที่ได้รับการศึกษาน้อย ก็ยังออกปากบ่นว่าเป็นภาษาวิปริต ซึ่งจะมีออกมาเป็นระยะ ๆ ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าทางคณะอนุกรรมการพิจารณาคำขอโฆษณาอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข และ ก.บ.ว.ปล่อยให้ออกมาได้อย่างไร หรือว่าการโฆษณานั้นไม่ต้องผ่านคณะอนุกรรมการพิจารณาคำขอโฆษณาอาหารและยา และ ก.บ.ว. ภาษาที่โฆษณาซุปไก่ยี่ห้อหนึ่ง มีข้อความว่า "อร่อยจังเลยตัวเอง" ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าหมายความว่ากระไร ได้ยินได้ฟังมาหลายเดือนแล้วข้าพเจ้าก็เป็นอนุกรรมการพิจารณาคำขอโฆษณาอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขด้วยคนหนึ่ง แต่ในระยะหลัง ๆ ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสไปร่วมประชุม เพราะภารกิจที่ราชบัณฑิตยสถานมีมาก เพราะข้าพเจ้ามีประชุมทุกวันทั้งเช้าและบ่ายและไม่มีโอกาสไปร่วมประชุมที่กระทรวงสาธารณสุข บางเดือนก็พยายามปลีกไปได้สักครั้งหนึ่ง จึงทำให้ภาษาวิปริตเหล่านี้หลุดรอดมาได้ หรือบางทีก็ได้ยินสตรีผู้หนึ่ง ไม่ทราบว่าพูดหรือโฆษณาอะไร เพราะตามปรกติข้าพเจ้าไม่ได้ดูรายการต่าง ๆ ในโทรทัศน์ นอกจากสารคดีพิเศษบางเรื่องหรือข่าวและกีฬาเท่านั้น แต่ก็ได้ยินข้อความว่า "นะตัวเอง" อยู่เสมอ ซึ่งคล้าย ๆ ถามหรือขอความเห็นใจอย่างนั้นแหละ บางคนก็บอกว่าเป็น "ภาษาดัดจริต" มากกว่า คำว่า "ตัวเอง" ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใช้ในภาษาไทย แต่ไม่ใช่ในกรณีดังเช่น "อร่อยจังเลยตัวเอง" เราอาจพูดว่า "เราจะต้องทำงานด้วยตัวของเราเอง" หรือ "ตัวเองนั้นแหละเป็นที่พึ่งของตัว" แทนที่จะพูดว่า "ตนแลเป็นที่พึ่งของตน" เพราะคำว่า "ตัว" และ "ตน" บางทีก็ใช้สับที่กันได้ บางทีก็ใช้เข้าคู่กันเป็น "ตัวตน" เลยก็มี อย่างเราอาจพูดว่า "ไม่ใช่ตัวตนอะไรของเรา" ภาษาวิปริตดังกล่าวแล้ว บางทีก็ใช้ตาม ๆ กัน เห็นเป็นเรื่องโก้เก๋ ทันยุคทันสมัยไปก็มี โดยเฉพาะพวก "ปัญญานิ่ม" ทั้งหลาย เมื่อ ๒ - ๓ ปีมาแล้ว ก็มีภาษาที่พูดแบบประหยัด ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้เคยวิจารณ์มาแล้ว ระยะนี้ก็เพลา ๆ ลง แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง นั่นคือสำนวนที่ว่า "เท่านั้นเอง" ก็เหลือเพียง "เอง" เช่น "ราคา ๕ บาทเท่านั้นเอง" ก็พูดเป็น "ราคา ๕ บางเอง" หรือ "เขามาคนเดียวเท่านั้นเอง" ก็พูดว่า "เขามาคนเดียวเอง" แต่คำว่า "เอง" ในบางกรณีก็ไม่จำเป็นต้องมี "เท่านั้น" ประกอบข้างหน้า เช่น "เขาทำเอง" "ผมพูดเอง" ฯลฯ อย่างนี้ไม่ต้องเติม "เท่านั้น" ไว้ข้างหน้าคำว่า "เอง" นอกจากนั้น ก็มักจะเป็นภาษาที่เด็ก ๆ พูดกัน แล้วบางทีผู้ใหญ่ก็พลอยพูดตามไปด้วย จะเป็นเพราะไม่ทราบหรือจะดัดจริตพูดข้าพเจ้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน นั่นคือข้อความที่คำหน้าเป็น "แม่กก" บางทีก็ออกเสียง "กะ" เพิ่มเข้ามาโดยไม่จำเป็น เช่น "หกล้ม" ก็พูดเป็น "หก - กะ - ล้ม" คงจะถือ "นกยาง" เป็น "นก - กะ - ยาง" "นกจอก" เป็น "นก - กะ - จอก" เป็นแนวเทียบกระมัง ตอนแรก ๆ ก็ได้ยิน "หก - กะ - ล้ม" ก่อน ต่อมาก็ได้ยินคำลักษณะนี้เพิ่มเข้ามาอีก เช่น "สักนิด" ก็ออก เสียงเป็น "สัก - กะ - นิด" หรือ "สักนิดหน่อย" ก็ออกเสียงเป็น "สัก - กะ - นิด - กะ -หน่อย" อีกเรื่องหนึ่งที่มีผู้ทักท้วงด้วยความเป็นห่วงเป็นใยมาก ก็คือการพูดเสียงเพี้ยนออกไป โดยเพิ่มเสียงวรรณยุกต์ให้สูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เช่น "พ่อแม่" ก็ออกเสียงเป็น "พ้อแม้" จนมีผู้ส่งคำกลอน "ภาษาไทยเพี้ยน" มาให้ ผู้เขียนไม่ได้บอกนามจริง บอกเพียงว่า "หนุ่มสิบหกกลับ (แค้น)" เขียนเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ เท่านั้น ข้าพเจ้าขอนำมาเสนอท่านผู้ฟังดังนี้
กลอนยังมีต่อไปอีก แต่เห็นว่าไม่สมควรจะนำมาเผยแพร่ จึงขอจบไว้เพียงเท่านี้ อย่างน้อย ก็อาจทำให้บรรดาโฆษกหรือผู้จัดรายการทั้งหลายได้สำเหนียกไว้บ้าง.
|